-
Category: ต้นกำเนิด...เกิดตำนานสิ่งแรกในอดีต
-
Published on Friday, 30 October 2015 04:19
-
Written by หอจดหมายเหตุ
-
Hits: 2048
ธนบัตรในยุคแรก
ในสมัยกรุงสุโขทัย ได้ผลิต “เงินพดด้วง” ซึ่งมีลักษณะเฉพาะของตนเองขึ้นใช้เป็นเงินตรา และใช้เบี้ยหอยแทนเงินปลีกย่อย บางครั้งเบี้ย หอยขาดแคลนก็ผลิตเบี้ยโลหะและประกับดินเผาขึ้นใช้ร่วมด้วย ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ยังคงใช้เงินพดด้วง เพียงแต่ปรับปรุงให้สวยงามมีขนาดกะทัดรัดขึ้น มีตรากงจักรซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดินประทับด้านบน ส่วนด้านหน้าประทับตราประจำรัชกาลต่างๆ เช่น ตราช้าง ตราสังข์ ตราช่ออุทุมพร เป็นต้น
ในสมัยกรุงธนบุรีก็ยังคงใช้เงินพดด้วงเช่นกรุงศรีอยุธยา ประทับตราพระแสงจักรเป็นตราแผ่นดิน ตราตรีศูลและตราทวิวุธเป็นตราประจำรัชกาล
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็ยังใช้เงินพดด้วง เพียงแต่เปลี่ยนตราประจำรัชกาล โดยสมัยรัชกาลที่ ๑ ใช้ตราบัวอุณาโลม รัชกาลที่ ๒ เป็นตราครุฑ ส่วนรัชกาลที่ ๓ เป็นตราปราสาท
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ต้นรัชกาลก็ยังใช้เงินพดด้วงประทับตรามงกุฎ เป็นตราประจำรัชกาล แต่มีการค้ากับต่างประเทศมากจนเงินพดด้วงไม่พอ ใช้ จึงทรงแก้ไขโดยผลิตเป็นเงินกระดาษ เรียกว่า “หมาย” ซึ่งใช้วิธีพิมพ์ลงบนกระดาษอย่างง่ายๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของธนบัตรไทย แต่ราษฎรไม่นิยมใช้
ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๐๐ สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย แห่งอังกฤษ ได้จัดส่งเครื่องผลิตเหรียญกษาปณ์ขนาดเล็ก มาถวายเป็นราชบรรณาการพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ผลิต เหรียญกษาปณ์จากเครื่องจักรขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นเหรียญกลมแบน เรียกกันว่า “เหรียญบรรณาการ” แต่เนื่องจากเครื่องจักรมีขนาดเล็ก ผลิตเหรียญไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงโปรดให้สั่งเครื่องผลิตเหรียญแรงดันไอน้ำมาใหม่ แล้วโปรดให้สร้างโรงงานผลิตเหรียญกษปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานนามว่า “โรงกระสาปน์สิทธิการ” เงินเหรียญชุดแรกที่ผลิตจากเครื่องจักรนี้ มีลักษณะคล้ายกับเหรียญชุดบรรณาการและให้ใช้ควบคู่ไปกับพดด้วง แต่ห้ามไม่ให้ผลิตพดด้วงเพิ่มขึ้นอีก
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ระยะแรกได้มีการผลิตเหรียญดีบุกโสฬออกใช้ในปี พ.ศ. ๒๔๑๘ โปรดให้สร้างโรงกษาปณ์แห่งใหม่ขึ้นและได้เริ่มผลิต เหรียญเงิน ตราพระบรมรูป-ตราอาร์ม (ตามแผ่นดิน) ซึ่งนับเป็นเหรียญรุ่นแรกที่มีพระบรมรูปพระมหากษัตริย์บนหน้าเหรียญตามแบบสากลนิยมและได้ถือปฏิบัติมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
สำหรับเงินพดด้วงซึ่งได้หยุดผลิตตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๔ แต่ก็ยังไม่มีประกาศเลิกใช้ จนในวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ จึงมีการประกาศยก เลิกการใช้พดด้วงทุกชนิดราคา หลังจากที่ใช้มาเป็นเวลานานกว่า ๖ ศตวรรษ จึงถึงยุคสุดของเงินพดด้วง
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำ “อัฐกระดาษ” ออกใช้ระยะสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนเงินปลีกระยะหนึ่ง หลังจาก นั้นได้มีการอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศออกตั๋วสัญญาใช้เงิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระหนี้ระหว่างธนาคาร และลูกค้า เรียกว่า “บัตรธนาคาร”
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๓ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติได้จัดพิมพ์ “เงินกระดาษหลวง” ขึ้น เพื่อใช้เป็นธนบัตร แต่มิได้นำออกใช้เพราะขาด ความพร้อม จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๔๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติจัดทำตั๋วสำคัญที่ใช้แทนเงินตรา ประกาศออกใช้เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ธนบัตรไทยจึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา.