คุณพ่อ เลออง กีญารด์

 

 

 

คุณพ่อ เลออง กีญารด์

Léon GUIGNARD

 
คุณพ่อ เลออง กีญารด์  เกิดวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1867 ณ วิลแลร์สซือร์โซลโนต์ เมืองเบอซังซอง  แขวงโฮ๊ตโซน
 
เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1887 คุณพ่อเข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ และสี่ปีต่อมา คุณพ่อเรียนเทวศาสตร์จบ ได้รับมอบหมายให้มามิสซังกรุงสยาม ออกจากกรุงปารีส วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1891 และมาถึงกรุงเทพฯ ร้อมกับคุณพ่อเปริกัล ในวันที่ 15 ธันวาคม ประมุขมิสซังส่งคุณพ่อไปอยู่ที่บ้านแป้ง เพื่อเรียนภาษา ฝึกงานแพร่ธรรมกับมิชชันนารีเก่าแก่องค์หนึ่ง เราคิดได้ว่าเวลานั้น คุณพ่อไม่อาจทนต่ออากาศร้อน จึงต้องกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ รับการรักษาพยาบาลทุกอย่างเท่าที่สุขภาพต้องการ ในปี ค.ศ. 1894 พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ แต่งตั้งคุณพ่อเป็นผู้ช่วยเหรัญญิกของมิสซัง
 
ปี ค.ศ. 1904 คุณพ่อฟ็อก เจ้าอาวาสวัดคอนเซ็ปชัญที่กรุงเทพฯ อ่อนกำลังลงเพราะอายุมากและอาพาธด้วย จึงปลดชราจากงานอภิบาล และคุณพ่อกีญาร์ด ก็ไปรับหน้าที่เจ้าอาวาสแทนอยู่ที่วัดนี้ ที่พระสังฆราชลาโนเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในสมัยก่อน พวกคริสตังมีเชื้อสายชาวโปรตุเกส ซึ่งพวกฮอลันดาขับไล่มาจากเกาะมักกะสาร ในศตวรรษที่ 17 แล้วคนพวกนี้อพยพไปอยู่ในประเทศเขมร และจากประเทศนี้มีส่วนหนึ่งอพยพมาอยู่กรุงสยาม พระเจ้าแผ่นดินสยามพระราชทานที่ดินผืนหนึ่งให้อยู่เหนือพระราชวังขึ้นไป สัตบุรุษวัดคอนเซ็ปชัญส่วนใหญ่ แม้ว่ามีชื่อใหญ่โตหรูหรา ซึ่งสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่น ชื่อ เด โรซารีโอ, เด กัสโทร, เด อัลวารีโอ ทุกวันนี้ เป็นคนยากจน และดำรงชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ยาก
 
คุณพ่อกีญาร์ด ใช้ชีวิตบั้นปลายสิบปีอยู่กับคนพวกนี้ คุณพ่อได้เสียสละรับใช้เพื่อนมิชชันนารีในตำแหน่งเหรัญญิก และก็ช่วยเหลือพวกคริสตังของคุณพ่อในตำแหน่งเจ้าอาวาส  คุณพ่อช่วยเหลือพวกเขาในด้านคำแนะนำ และด้านการเงิน และแจกจ่ายอาหารแห่งพระวาจาของพระเป็นเจ้าอย่างมากมาย  สรุปเพียงคำเดียว  คือ  คุณพ่อรักพวกเขา และก็เป็นที่ชอบพอรักใคร่ด้วย
 
คุณพ่อคงจะพูดเช่นเดียวกับนก ในนิทานอีสปว่า “ลูกเล็กๆ ของฉันน่ารัก สวย และถูกสร้างมาดี สวยดีอยู่ในบรรดาเพื่อนฝูงทุกตัว” พวกมิชชันนารีมีความเห็นไม่ตรงกับคุณพ่อเสมอไปในเรื่องเกี่ยวกับพวกคริสตังของคุณพ่อ และบางคนหยอกล้อคุณพ่อว่า คุณพ่อเป็นคนตาบอด คุณพ่อเจ้าอาวาสก็หัวเราะกับพวกเขา และไม่ถือสาหาความกับเรื่องหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ซึ่งมิได้ทำให้การเสียสละช่วยเหลือพวกคริสตังของคุณพ่อลดน้อยลงไปเลย
 
ปี ค.ศ. 1909 มีการขจัดปัญหาเรื่องที่ดินในกรรมสิทธิ์ของมิสซัง และทางรัฐบาลไทยก็รับรองให้วัดต่างๆ มีสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ มีการกำหนดข้อยกเว้นสำหรับที่ดินที่เรียกว่า“ที่ดินพระราชทาน” ที่ดินดังกล่าวนี้มีอยู่ที่วัดชาวญวนและวัดใกล้เคียงคือ วัดคอนเซ็ปชัญ คุณพ่อกีญาร์ด สนับสนุนสิทธิ์ของพวกคริสตังอย่างเข้มแข็ง และก่อนวันที่คุณพ่อจะถึงแก่มรณภาพลง คุณพ่อภูมิใจที่ได้เห็นว่า สิทธิ์ของพวกคริสตังนี้เป็นที่ยอมรับของทางรัฐบาล
 
สุขภาพของมิชชันนารีของเราอยู่ในสภาพล่อแหลมพอควรอยู่เสมอ คุณพ่อต้องเจ็บปวดด้วยโรคกระเพาะ เพราะใช้ยาทั้งน้ำและเม็ด โดยมิได้ถือตามปริมาณที่กำหนดไว้เพียงพอ คุณพ่อไปพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์บ่อยๆ ในปี ค.ศ. 1913 คุณพ่อรู้สึกเหนื่อยอ่อนมากกว่าปกติ และพระสังฆราชแนะนำให้คุณพ่อไปพักผ่อนที่สถานพักฟื้นเบธานี อากาศเย็นกว่าที่ฮ่องกง มิได้ช่วยให้คุณพ่อมีอาการดีขึ้นตามที่หวังเอาไว้ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1914  มิชชันนารีของเรากลับมาอยู่ท่ามกลางพวกคริสตังของคุณพ่อ ซึ่งทำการเลี้ยงฉลองต้อนรับคุณพ่อ อนิจจา ความชื่นชมยินดีของสัตบุรุษที่ได้คุณพ่อมาอยู่ด้วยกันนั้น ก็เป็นเพียงแค่ระยะสั้น วันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1914 เจ้าอาวาสวัดคอนเซ็ปชัญเข้าโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์โดยมิได้ออกมาอีก การดูแลเอาใจใส่ของพวกภคินี และการรักษา พยาบาลของนายแพทย์ประจำโรงพยาบาล ไม่สามารถขจัดโรคที่คุณพ่อเป็นได้ แต่กระนั้น ก็ดี เราก็เห็นได้ว่า มิชชันนารีของเราเป็นที่รักใคร่ชอบพอมาก พระสังฆราชซึ่งเคยเป็นเพื่อนนักเรียนกันมา ก็มานั่งใกล้เตียงของคุณพ่อบ่อยๆ และพูดบรรเทาใจด้วย ปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1914 ผู้ป่วยอยู่ในสภาพหมดหวังแล้ว คุณพ่อรับศีลทาสุดท้าย กับศีลเสบียงหลายครั้ง และเวลาที่คุณพ่อกำลังจะหมดลมหายใจ วันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1914 พระสังฆราชอีกนั่นแหละ มาสวดภาวนาให้คุณพ่อใช้คำภาวนาในหนังสือจารีตพิธี ดังนี้ “พระเยซูเจ้าข้า โปรดเมตตาวิญญาณผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด และโปรดนำดวงวิญญาณนี้ไปสู่สวรรค์ เป็นที่พักผ่อนอันหวานชื่นและเบิกบานเสมอ ของบรรดาวิญญาณซื่อตรง”
 
เมื่อพวกคริสตังมารับศพคุณพ่อไปฝังไว้ที่วัดคอนเซ็ปชัญที่คุณพ่อรักมาก ก็มีเสียงร้องไห้เศร้าโศกดังขึ้นมา ความทุกข์โศกเศร้าของชาวตะวันออกนั้นดังเหมือนลมพายุ ร้องครวญอยู่นาน และก็เสียงแหลมบาดใจ แต่โดยทั่วไป ร้องอยู่ไม่นานนัก แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็จะปรากฏมาให้เห็นได้เร็ว พอๆ กับแสงอาทิตย์ส่องทะลุหมู่เมฆ หลังจากพายุผ่านพ้นไป อย่างไรก็ดี ความทุกข์โศกของพวกคริสตังของคุณพ่อกีญาร์ด มิใช่เป็นการเสแสร้ง และพวกเขาก็ยังคงร้องคร่ำครวญถึงคุณพ่อที่น่าเคารพและน่ารักยิ่งของเขาอยู่จนทุกวันนี้.