สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์

 
จำเดิมแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จเสวยราชสมบัติ ณ วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระนครจากฟากตะวันตกข้ามมาทางฝั่งตะวันออก และยกหลักเมืองในวันที่ ๒๑ เมษายน ศกเดียวกันนี้  ซึ่งวาระนั้นได้เวียนมาบรรจบครบรอบ ๒๐๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ทรงสืบพระราชสันตติวงศ์ต่อเนื่องมาถึงเก้าพระองค์ ล้วนทรงปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขสงบเรียบร้อยมาช้านาน
 
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค 
ข้ามสะพานพระพุทธยอดฟ้า ในพระราชพิธีเปิดพระบรมราชานุสรณ์ 
งานฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕
 
ตามพระราชประเพณีที่เคยปฏิบัติมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังและพระนครสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็โปรดเกล้าฯ ให้มีการสมโภชพระนครและวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ. ๒๓๒๘ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้มีการสมโภชพระนครครบ ๑๐๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๒๕ นับเป็นครั้งที่ ๒ ต่อมาใน รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามเช่นเดียวกับในรัชกาลที่ ๕ แล้วสมโภชพระนครครบ ๑๕๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๗๕ อีกครั้งหนึ่ง นับเป็นครั้งที่ ๓
 
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  เสด็จลงจากปะรำพิธี
บวงสรวงพระบูรพมหากษัตราธิราช ณ บริเวณสนามหลวง
ด้านทิศใต้ ในงานฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี
 
ในรัชกาลปัจจุบันนี้ ทางรัฐบาลจึงเห็นเป็นการสมควรที่จะมีการสมโภชเหมือนเช่นในรัชกาลก่อนๆ ดังได้กล่าวมาข้างต้น คือ กำหนดปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นงานหลัก โดยรัฐบาลได้กราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้สำเร็จบริบูรณ์ทันงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี