องค์ที่ 160 สมเด็จพระสันตะปาปาปัสกัล ที่ 2 (Pope Paschal II ค.ศ.1099-1118)

  • Print

 

สมเด็จพระสันตะปาปาปัสกัล ที่ 2

(Pope Paschal II  ค.ศ. 1099-1118)

พระองค์มีพระนามเดิมว่า ราเนรีอุส เกิดที่บีเอดา กาเลอาตา ใกล้ๆเมืองราเวนนา ในปี ค.ศ. 1050 เข้ารับการศึกษาในอารามขณะวัยเยาว์ เมื่ออายุได้ราวยี่สิบปีก็ได้เดินทางมาโรม พระสันตะปาปาเห็นความเฉลียวฉลาดในตัวท่าน ได้แต่งตั้งให้เป็นพระคาร์ดินัลโดยพระสันตะปาปาเกรโกรี ที่ 7 ประมาณ ค.ศ. 1080 ในสมัยพระสันตะปาปาอูรบัน ที่ 2 ทำให้ผู้แทนพระสันตะปาปาไปเจรจาที่สเปน เมื่อพระสันตะปาปาอูรบันสิ้นพระชนม์ พระองค์ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาสืบต่อมาในนาม พระสันตะปาปาปัสกัล ที่ 2 ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1099
 
แม้พระสันตะปาปาปัสกัล ที่ 2 จะทำสงครามครูเสด (Crusade) ครั้งแรก และทรงพยายามเดินตามแนวนโยบายที่สำคัญของการปฏิรูปพระศาสนจักร ซึ่งพระสันตะปาปาเกรโกร ที่ 7 ได้วางไว้ แต่ตลอดสมัยปกครองของพระองค์ กลับต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้งที่มีมานานในเรื่องที่จักรพรรดิหรือนักปกครองที่เป็นฆราวาสเข้ามามีบทบาทกำหนดกิจการพระศาสนจักร ใน ค.ศ. 1107 พระองค์ทรงร่างข้อกำหนดเพื่อยุติความขัดแย้งนี้ร่วมกับกษัตริย์เฮนรี ที่ 1 แห่งอังกฤษ และกษัตริย์ฟิลิป ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (ในสมัยปกครองของพระองค์นั้น ปัญหาที่ค้างคามาตั้งแต่ในอดีตก็เกิดขึ้นอีกคือ พระสันตะปาปาซ้อนเคลเมนต์ ที่ 3 ได้สิ้นพระชนม์ ผู้สนับสนุนก็ได้ตั้งพระสันตะปาปาเธโอโดริกขึ้นมาดำรงตำแหน่งสืบต่อเป็นพระสันตะปาปาซ้อน องค์ที่ 21 แต่อยู่ไม่นานก็สิ้นพระชนม์ และได้แต่งตั้งท่านอัลเบิร์ต ขึ้นเป็นพระสันตะปาปาสืบต่อมา เมื่อชาวเมืองทราบเรื่องก็เกิดไม่พอใจและต่างพากันไปล้อมบ้านท่าน ท่านอัลเบิร์ตตกใจกลัวหลบหนีเอาตัวรอด แต่ภายหลังมีคนจับท่านได้และนำตัวส่งให้พระสันตะปาปาปัสกัล ผู้ซึ่งได้สั่งให้ถอดยศทุกอย่างของท่านอัลเบิร์ต และจับขังไว้ในคุก ที่อารามทางใต้ใกล้ๆเนเปิล ให้อยู่ในความดูแลของกองทหารและขุนนางนอร์มัน พระสันตะปาปาอัลเบิร์ต พระสันตะปาปาซ้อนองค์ที่ 22 คงจะสิ้นพระชนม์ที่นี่เอง)
 
จากความขัดแย้งทำให้พระสันตะปาปาปัสกัล ที่ 2 ต้องประกาศขับพระเจ้าเฮนรี ที่ 4 ออกจากพระศาสนจักร (อีกครั้ง) ในที่ประชุมสังคายนาโรม ในปี ค.ศ. 1102 ระองค์มีส่วนช่วยพระโอรสของพระเจ้าเฮนรี ที่ 4 โค่นล้มบัลลังก์ของบิดา แต่ต่อมาพระเจ้าเฮนรี ที่ 5 (โอรส) ก็ยังคงเช่นเดียวกับพระราชบิดาในเรื่องที่ต้องการมีอำนาจเหนือกิจการพระศาสนจักร มีความพยายามเจรจาหลายครั้งแต่ไร้ผล ที่สุดพระเจ้าเฮนรี ที่ 5 ได้แต่งตั้งมากินุลโฟให้เป็นพระสันตะปาปาซ้อนองค์ ที่ 23 ใช้พระนามว่า พระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ ที่ 4 ในปี ค.ศ. 1105 และได้ยกกองทัพมาที่อิตาลี พระสันตะปาปาปัสกัล ส่งคนไปเจรจาที่สุตรี  ในปี ค.ศ. 1111 ผลของการเจรจา  คือ พระเจ้าเฮนรียินยอมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการมอบอำนาจตำแหน่งสงฆ์หรือสังฆราชให้แก่ใคร แต่พระสันตะปาปาต้องชำระค่าปรับเป็นเงินและที่ดินมากมาย และต้องสวมมงกุฎให้พระเจ้าเฮนรี ที่ 5 เป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมด้วย และที่เสียหายร้ายแรงยิ่งกว่า คือ เมื่อข้อตกลงได้รับการประกาศในวันสวมมงกุฎ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1111 นั้น ได้เกิดการประท้วงข้อตกลงขึ้นในระหว่างพระสังฆราชแห่งเยอรมัน ที่สุดพระเจ้าเฮนรีได้สั่งให้ทหารจับพระสันตะปาปา และพระคาร์ดินัล 16 องค์ไปคุมขัง เกลี้ยกล่อมให้พระสันตะปาปายอมมอบสิทธิ์ในเรื่องฆราวาสมีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวในกิจการพระศาสนจักรคืน  และยอมสวมมงกุฎให้พระเจ้าเฮนรี ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1111 (ส่วนท่านซิลเวสเตอร์ ที่ 4 นั้น ถูกเมินและถูกขับจากตำแหน่ง ในปี ค.ศ. 1111 นี้เอง) เหตุการณ์ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคริสตชนในโรมเกิดไม่พอใจและประท้วงขึ้นมา เพราะเห็นว่าพระสันตะปาปายอมอ่อนข้อแก่พระเจ้าเฮนรีมากเกินไป
 
ในปีต่อมา สังคายนาลาเตรันได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว ทำให้พระสันตะปาปาปัสกัล แม้จะอับอายที่ผลของการประชุมออกมาเช่นนั้น แต่ก็ต้องประกาศขับพระเจ้าเฮนรี ที่ 5 ออกจากพระศาสนจักรอีกครั้งในปี ค.ศ. 1118 สถานการณ์ในปีสุดท้ายของสมัยปกครองของพระสันตะปาปาปัสกัลทรุดหนัก เกิดการจลาจลในโรม ทำให้พระองค์ต้องหนีออกจากโรม และได้กลับมาในปลายปี ค.ศ. 1118 โดยเข้าอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆหลังปราสาทซานอันเยโล พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1119 ปล่อยให้ปัญหายังยืดเยื้ออยู่ต่อไป จนกระทั่งใน ค.ศ. 1122 เมื่อพระสันตะปาปากัลลิสตุส ที่ 2 ทรงลงพระนามสนธิสัญญาเวิร์ม (Concordat of Worms) สันติภาพระหว่างพระศาสนจักรและจักรพรรดิจึงเกิดขึ้น.