องค์ที่ 111 สมเด็จพระสันตะปาปาฟอร์โมซุส (Pope Formosus ค.ศ.891-896)

 

สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญฟอร์โมซุส 

(Pope St. Formosus ค.ศ.891-896)
 
พระองค์คงเป็นชาวโรม เกิดราวปี ค.ศ. 816 จากหลักฐานที่มีเราทราบว่าพระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชโดยพระสันตะปาปานิโคลัส ที่ 1 และถูกส่งไปเป็นทูตที่บัลกาเรีย กษัตริย์บอริสแห่งบัลกาเรียพอพระทัยท่านมาก จึงขอให้พระสันตะปาปานิโคลัส แต่งตั้งท่านให้เป็นอัครสังฆราชแห่งบัลกาเรีย แต่คำขอนี้ก็ตกไป มาถึงสมัยของพระสันตะปาปาอาเดรียน กษัตริย์บอริสทรงยื่นคำขออีกครั้งแต่คำขอก็ตกไปอีกเช่นกัน ท่านฟอร์โมซุสยังคงประจำอยู่ที่โรมรับใช้สันตะสำนัก ในสมัยปกครองของพระสันตะปาปายอห์น ที่ 8 ท่านถูกบังคับให้เป็นผู้สวมมงกุฎให้แก่พระเจ้าชาร์ล ที่ 2 (ชาร์ลศีรษะล้าน) แต่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยรวมทั้งพวกขุนนางที่อยู่ฝ่ายพระสันตะปาปายอห์น ที่ 8 และท่านฟอร์โมซุสปฏิเสธที่จะกระทำ เพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งมากขึ้นในสันตะสำนักเอง ระหว่างนี้ขุนนางหลายคนได้หนีไปจากโรม เพราะรู้ภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น จะด้วยปัญหานี้เป็นเหตุหรือด้วยความไม่พึงพอใจส่วนตัว พระสันตะปาปายอห์น ที่ 8 ได้สั่งปลดท่านฟอร์โมซุสออกจากตำแหน่งพระสังฆราช และขับออกจากพระศาสนจักรในเดือนเมษายน ค.ศ. 876 แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 878 พระองค์ก็ได้รับการอภัยและให้กลับคืนถิ่นเดิม (ที่เมืองเซนส์) เพียงแต่ไม่มีสิทธิ์ในฐานะสังฆราชอีก
 
ปัญหาความยุ่งยากเหล่านี้หมดไป เมื่อพระสันตะปาปามารีนุส ที่ 1 ดำรงตำแหน่ง พระองค์ก็ได้เรียกให้ท่านฟอร์โมซุสมารับหน้าที่ที่โรมเหมือนเดิม ตั้งแต่นั้นมาท่านฟอร์โมซุสก็อยู่ที่โรม และรับใช้ทั้งพระสันตะปาปามารีนุส และพระสันตะปาปาสเตเหน ที่ 6 โดยไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 891 ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาสืบต่อจากพระสันตะปาปาสเตเฟน ที่ 6 เมื่อมีอายุมากแล้ว
 
หลังจากที่ได้รับเลือกแล้ว พระองค์ได้พยายามแก้ปัญหาสำคัญสองอย่างคือ ปัญหาความสัมพันธ์อันตกต่ำระหว่างโรมและพระศาสนจักรตะวันออก และปัญหาที่ว่าจะทำอย่างไรดีกับพระเจ้ากิโด ที่ 3 แห่งสโปเลโต ผู้มีนิสัยโหดร้าย ปัญหาแรกนั้นดูจะแก้ไขไม่ตกเท่าไร่ ส่วนปัญหาที่สองนั้นก็ยุ่งเหยิง เพราะพระเจ้ากิโดเคยบังคับให้พระสันตะปาปาสเตเฟนสวมมงกุฎตนเองมาก่อน มาคราวนี้ก็บังคับให้พระสันตะปาปาฟอร์โมซุสสวมมงกุฎราชโอรสคือ เจ้าชายแลมเบิร์ตให้เป็นจักรพรรดิร่วมกับตนอีก นอกนั้นยังคุกคามโรมในหลายๆ ด้าน
 
พระสันตะปาปาฟอร์โมซุสจึงขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอาร์นอฟแห่งอาณาจักรแฟรงค์ตะวันออกมาช่วยคานอำนาจ แต่ก็เหมือนนำภัยมาสู่บ้านเรือนตนเอง เพราะหลังจากพระเจ้ากิโด้สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 894 พระเจ้าอาร์นอฟได้ยกกองทัพบุกอิตาลีและยึดโรมไว้ได้  ทั้งยังบังคับให้พระสันตะปาปาฟอร์โมซุสสวมมงกุฎให้ตนเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมแทน ภายหลังพระเจ้าอาร์นอฟเกิดเป็นอัมพาตขึ้นมาและได้ยกทัพกลับปล่อยให้พระสันตะปาปาฟอร์โทซุสจัดการปัญหาต่างๆ เอง พระองค์ต้องตกอยู่ในภาวะลำบากใจ จนล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ วันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 896
 
ปัญหาก็ยังคงมืดมนต่อไป เป็นต้นในเรื่องการแย่งอำนาจผู้สืบตำแหน่งต่อจากพระองค์คือ พระสันตะปาปาโบนิฟาสที่ 6 ซึ่งอยู่ในสมัยเพียง 15 วันเท่านั้น ผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากพระสันตะปาปาโบนิฟาสที่ 6 คือ พระสันตะปาปาสเตเฟนที่ 7 ซึ่งอยู่ฝ่ายพระเจ้าแลมเบิร์ต (บุตร) ได้ประณามผ่านที่ประชุมสภาพระสังฆราชแห่งคาดาเวอร์ว่าสาเหตุของความยุ่งยากและเลวร้ายของอาณาจักรล้วนเกิดมาจากพระสันตะปาปาฟอร์โมซุส จึงสั่งให้ขุดพระศพพระสันตะปาปาฟอร์โมซุสออกมารับการพิพากษาในเดือนมกราคม ค.ศ. 897 คณะผู้พิพากษาได้กล่าวลงโทษพระศพของท่านหลายๆ กรณีและสั่งให้ทำโทษด้วยวิธีต่างๆ จากนั้นก็นำไปทิ้งลงแม่น้ำไทเบอร์ ฤาษีและนักพรตได้ช่วยกันเก็บกระดูกส่วนต่างๆ ของร่างพระองค์มารวมกัน และทำพิธีปลงพระศพอย่างเหมาะสมก่อนที่จะนำไปฝังที่พระมหาวิหารนักบุญเปโตร